Interview

New Era of Pause

  • Writer: Teeraphat Janejai
  • Photographer: Neungburuj Butchaingam

คิดว่าเหล่านักฟังเพลงไทยจำนวนไม่น้อยพากันตื่นเต้นและอบอุ่นใจเมื่อได้ฟังเพลงของ Pause ที่มีเสียงร้องของ โจ้ – อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมากับเพลง รักอยู่รอบกาย จนกลายเป็นความคิดถึงและความหวังลึก ๆ ว่า Pause จะกลับมารวมตัวทำเพลงกันอีกครั้งแม้ว่าความเป็นไปได้นั้นแทบมองไม่เห็น

แต่ในที่สุดความฝันของแฟนเพลงวง Pause ก็เป็นจริงเมื่อ เฟ้น – ประภาพ ตันเจริญ ได้ปรากฏตัวบนเวทีในฐานะนักร้องคนใหม่—เป็นนักร้องอีกคนหนึ่งของวง Pause

หากเปรียบวง Pause เป็นแผ่นซีดีที่ต้องหยุดเล่นกลางคันค้างไว้เช่นนั้นเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ได้แต่รอเวลาให้มีใครสักคนมากดปุ่ม play เพื่อที่จะได้ฟังเสียงเพลงที่เงียบหายไป

เวลาที่เรารอคอยนั้นมาถึงแล้ว

000008 

สมาชิก
เอ – พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ (กีต้าร์)
นอ – นรเทพ มาแสง (เบส)
บอส – นิรุจ เดชบุญ (กลอง)
เฟ้น – ประภาพ ตันเจริญ (ร้องนำ)

 

หลังจากวันที่กดปุ่ม Pause ไปโดยไม่ตั้งใจ

นอ: เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่พี่โจ้เสียชีวิตไป เราสามคนก็คุยกันที่งานศพพี่โจ้จนได้ข้อสรุปว่าเราจะหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้เจอกันเลย เอก็ไปอยู่วงสิบล้อ บอสก็เล่นดนตรีกลางคืนและเล่นแบคอัพให้หลาย ๆ วง ส่วนผมก็เล่นกับ Crescendo

จนเมื่อคอนเสิร์ตที่ผมอยากจะทำกับทางทีมงานมะจังเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว ครั้งนั้นทำให้มีกระแสจากแฟนคลับว่าอยากให้เรากลับมาทำ Pause กันต่อ ซึ่งบนเวทีวันนั้นเราก็พูดออกไปว่า “พวกเราจะกลับมาคิดกันอีกทีว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ”

หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานจ้างให้ไปเล่นกับ เอ๊ะ จิรากร และก็มีงานตามมาอีกเรื่อย ๆ ตอนนั้นก็ยืมตัวหลาย ๆ คนอย่างน้องมาเรียม B5, คิว Flure, เก้ง Crescendo มาร้อง

พอเราเข้ามาอยู่ที่ค่าย Me Records เมื่อปีที่แล้ว มีเพลง รักอยู่รอบกาย ออกมา ซึ่งพี่โจ้เคยบันทึกเสียงค้างไว้ ตอนนั้นเราแค่อยากทำเป็นของขวัญให้กับแฟนเพลงในงานมีตติ้ง ก็ยิ่งมีกระแสเกิดขึ้นอีกมากมายว่า Pause กลับมาแล้วหรือเปล่า

ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้นว่า เวลาคนจ้างเรา เขาก็อยากจะรู้ว่าใครจะมาร้อง ซึ่งแต่ละคนที่เราขอแรงจากเขาก็มีงานส่วนตัวอยู่แล้ว เวลาเริ่มไม่ตรงกัน แล้วถ้าเราจะเปลี่ยนนักร้องบ่อย ๆ เราก็ต้องมาเปลี่ยนคีย์เพลงกันทุกครั้ง

จนมีน้องคนหนึ่งทักมาในเฟสบุ๊กของพี่เอว่าขออนุญาตโคเวอร์เพลงของเรา พี่เอก็อนุญาตแล้วก็บอกไปว่าส่งมาให้ฟังบ้างนะ เผื่อไม่แน่ว่าเราจะได้ร่วมงานกัน ก็เลยกลายเป็นกระแสอีกว่าเรากำลังหานักร้องใหม่ ทีนี้ก็ส่งมากันเยอะเลย สองสามร้อยคลิป เราก็คิดว่าน่าจะเข้าท่าดี Pause น่าจะมีภาคสองได้แล้ว เพราะพี่โจ้เขาก็เสร็จงานของเขาแล้ว พวกเราที่เหลือก็น่าจะทำงานกันต่อไป องค์ประกอบมันครบแล้ว มีคนฟัง มีคนลงทุน และพวกเราสามคนก็ยังไม่ตายจากกันไปไหน ก็เลยประกาศออกไปว่า ใครสนใจก็ส่งคลิปเข้ามา ก็ตกลงกันว่าเราจะเลือกนักร้องมาคนละหนึ่งคน และเฟ้นก็เป็นหนึ่งในสามที่เราเลือกมา

000018

ลักษณะของจิ๊กซอว์ที่มองหา

นอ: พี่เอเคยพูดว่าต้องเป็นคนที่ร้องเพลงเก่าของ Pause ได้โดยไม่ขัดเขิน เพราะ Pause ก็ยังต้องคงมีกลิ่นอายเดิม เราก็อยากได้คนที่มาสานต่อได้ ส่วนที่ว่าเขาอยากจะเป็นตัวตนของเขาเองในอนาคตก็เป็นภาระหน้าที่ของเขา บุคลิก ความรับผิดชอบก็เป็นอีกส่วนที่เราดู

กระแสต่อต้านเมื่อสมาชิกเปลี่ยนไป

เอ: เราก็คิดเรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้ว และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราหยุดไว้เพียงแค่นั้นดีกว่า จนความคิดตกตะกอน เราโตขึ้น เราอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ใช้สิ่งที่ยังมีอยู่มาทำอะไรให้เป็นประโยชน์ น่าจะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย เราก็ได้กลับมาเล่นด้วยกัน คนฟังก็ได้ฟังเพลงของเรา ทุกอย่างมีความเสี่ยง แต่เราไม่ได้มองว่า Pause มาสุดทางได้แค่นี้ ไม่ใช่ว่าเราขึ้นหิ้งแล้ว เรายังคิดว่าเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่ กล้าเสี่ยงได้

นอ: ผมชำนาญมากกับเรื่องการเปลี่ยนนักร้อง (หัวเราะ) ในจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง เราจะมองว่าเป็นจุดจบก็ได้ เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ก็ได้ การเปลี่ยนแปลงย่อมทำให้ถอยหลังแน่นอน ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่เราก็ยังพิสูจน์ตัวเองได้เสมอ สมัยที่พี่โจ้ร้องแรก ๆ ก็มีแรงเสียดทานเยอะพอสมควร เคยโดนโห่ไล่มาแล้วด้วยซ้ำ คงไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนชอบเราได้ ผมเคยได้ยินคำพูดที่ว่า งานดนตรีมันเหมือนภูเขาน้ำแข็ง คนฟังที่อยู่วงนอกจะเห็นแค่ยอดน้ำแข็ง แต่ที่อยู่ใต้น้ำนั้นมีอะไรอีกเยอะแยะ และก็คงเสียเวลาเกินไปถ้าจะต้องมาอธิบายรายละเอียดข้างใต้นั้นทั้งหมด มันมีข้อแม้ข้อจำกัดอีกเยอะที่คนภายนอกไม่เข้าใจ

ความคล้ายคลึง ความเหมาะสม หรือพรหมลิขิต

เอ: พอเราจะเปลี่ยนนักร้อง เราก็เลยมาศึกษาว่าวงดนตรีต่างประเทศที่เคยเปลี่ยนนักร้องเขามีวิธีเลือกกันอย่างไร อย่าง Limp Bizkit เขาก็เลือกคนร้องที่มีสไตล์ใกล้เคียงกับคนเดิม น้ำเสียงก็ควรจะไปในทางเดิมที่วงเคยเล่นกันมา การทำงานดนตรีแบบนี้ก็เหมือนแบรนด์สินค้า Pause ก็มีภาพจำแบบหนึ่ง ซึ่งทำให้เราต้องเลือกคนที่จะมาตอบโจทย์นี้ได้ จะพลิกไปเลยก็ลำบาก ลำบากทั้งเราในแง่การเล่นและคนฟังก็อาจจะไม่ฟังต่อ

นอ: จริง ๆ ถ้าเราจะเลือกคนที่เสียงใกล้เคียงพี่โจ้ มีอีกหลายคนเลยที่เหมือนกว่า เอ๊ะ จิรากร ก็เหมือนมาก แรก ๆ ที่เล่นด้วยกันผมยังแอบตกใจ บอย Peacemaker ก็เหมือน อย่างตอนที่พี่โจ้ออกอัลบั้มแรก ๆ ก็มีคนทักว่าเสียงเหมือนพี่หรั่ง ร็อคเคสตร้า ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของยุคสมัยนั้น ๆ ที่เราจะมีไอดอลเป็นนักร้องรุ่นพี่

ตอนสุดท้ายที่เรามาสรุปกัน ผมก็ต้องคุยกับทางค่ายด้วย เราแค่เอาข้อมูลหลาย ๆ อย่าง จากหลาย ๆ คนมารวมกัน เราถามความคิดเห็นแม้แต่กระทั่งคนขับรถตู้ให้กับวง ทีมสเตจ รวมทั้งคุณฟองเบียร์ด้วย เพราะเราเชื่อว่าคนที่จะมายืนข้างหน้าเวทีได้จะต้องเป็นที่รักของทุกคนที่เกี่ยวข้อง สุดท้ายก็พบว่าคะแนนเทมาที่เฟ้น บางทีเราก็ต้องเชื่อความรู้สึกบ้าง ปกติผมจะมองแต่ข้อเท็จจริง หลาย ๆ คนที่ส่งคลิปเข้ามา เก่งมาก มีความเหมาะสม แต่ชะตาของเรายังไม่ถึงคราวที่จะได้ไปด้วยกัน

000041

สมาชิกใหม่กับวัยที่ห่างกัน

เฟ้น: เริ่มจากพี่เอกับผมเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊ก พี่เอก็คงเห็นผมเล่นดนตรีมาบ้างก็เลยทักมาให้ผมลองส่งคลิปเพลงโคเวอร์ของ Pause ตอนนั้นก็หวังไว้บ้างว่าจะถูกเลือก แต่แค่พี่เอทักมาเองและได้ส่งผลงานให้พี่ ๆ ฟัง แค่นั้นก็ดีมากแล้วสำหรับผม ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่าคนที่ทักมาเป็นเฟสปลอมหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) พอถูกเลือกให้เข้ามาร่วมวง ช่วงแรก ๆ ก็เกร็งครับ แต่มันก็มีความดีใจปนอยู่ด้วยที่เราจะได้เล่นกับพวกพี่ ๆ ซึ่งเราก็ชื่นชอบผลงานของมาตั้งแต่เรายังเด็ก ๆ ตอนที่ได้เริ่มซ้อมก็ไม่ยากเลย ง่ายกว่าที่คิดไว้ พี่ ๆ เขาจะสอนอยู่ตลอด

นอ: เราก็ต้องผสมผสานกันระหว่างประสบการณ์ของเรา และความเป็นคนรุ่นใหม่ของเฟ้น พวกเราก็ไม่ได้อยากเชย ฉะนั้นเราก็ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน

เอ: ผมค่อนข้างคลุกคลีกับเด็กรุ่นใหม่อยู่ตลอด ผมสอนดนตรีกับเด็กตั้งแต่วัยประถมจนถึงระดับนักศึกษา หรือแม้แต่ตอนที่ทำวงสิบล้อ พี่มือกลองก็อายุห่างกันค่อนข้างมาก แต่เราก็อยู่กันได้ ผมคิดว่าสังคมไทยควรจะมองข้ามเรื่องอายุเมื่อต้องทำงานร่วมกัน

เมื่อ Pause กลับมา play อีกครั้ง

เอ: ดีครับ มีความสุข เหมือนเข้าห้องอัดครั้งแรกสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ เราก็เตรียมงาน คิดไลน์กีต้าร์ ซ้อมเป็นร้อยรอบเหมือนเดิม ยังอยากคงคุณภาพให้ดีเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เรามองไปที่ตลาดใหม่ที่ไม่ใช่แฟนเพลงเดิมของเรา ซึ่งก็ขอบคุณมาก ๆ ที่ยังคงฟังเพลงเราอยู่ แต่เราคิดว่าดนตรีของ Pause มันน่าจะเหมาะกับวัยรุ่น มากกว่าวัยที่มีครอบครัว ด้วยเนื้อหาของเพลงและพฤติกรรมการฟังดนตรี

นอ: ผมกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องดนตรีเลย เพราะผมเชื่อมือเพื่อนว่าเล่นกันโอเคเหมือนเดิม แล้วเพลงนี้ (แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง) ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น สิ่งที่คิดกังวลคือ เราเหมือนกับรถยนต์เก่าที่ถูกเก็บไว้ในโรงรถ ไม่ได้เอาออกมาขับนาน เราต้องเอามาจูนเครื่องใหม่หมด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันจะตายกลางทางมั้ย จะไปถึงที่หมายมั้ย แต่อีกใจหนึ่งก็สนุกดีเพราะมันเป็นรถที่เราเคยขับออกไปกินลมชมวิว มีความสุขที่ได้เอามันมาขับอีกครั้ง แล้วเราก็ไม่รู้สึกกดดันกับการกลับมา เพราะเราเคยประสบความสำเร็จไปแล้ว ในแง่ของการเล่นดนตรีผมคิดว่ามันถูกพิสูจน์ไปแล้ว ไม่ต้องตอบแล้วว่าเราทำได้หรือเปล่า

เสียงตอบรับจากแฟนเพลงที่คิดถึง

บอส: พอปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมา ช่วงแรกก็มีแรงเสียดทานไปถึงเฟ้นพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนฟังเพลงทั่วไปที่ไม่ได้เป็นแฟนวง Pause จริง ๆ

นอ: ก็ไม่น่าเชื่อว่าขนาดเรายังไม่มี mv แต่พอเราออกไปเล่นตามร้านต่าง ๆ กลับมีคนร้องได้แล้ว เยอะด้วย ซึ่งก็เป็นข้อดีของยุคโซเชียล ทุกวันนี้เกือบ 90 เปอร์เซนต์ของคนที่มาดูเราเล่น มาทักทาย เป็นคนรุ่นที่ไม่เคยฟังพวกเราตอนที่พี่โจ้ยังร้องอยู่ กลับกลายเป็นคนที่ชอบเฟ้น ชอบในความเป็น Pause ยุคใหม่ น่าจะเป็นโอกาสดี ๆ สำหรับน้อง ๆ รุ่นหลังที่จะได้ฟังเพลง Pause สด ๆ จากที่เคยฟังแต่ใน YouTube

000020

Pause ในปี 2016

เอ: เก่งขึ้น พัฒนาขึ้น พวกเราก็ต่างออกไปเล่นดนตรีมาหลายปี เวลาเรากลับมาเล่นเพลงเก่า ๆ เราก็เอามา arrange กันใหม่ ซึ่งก็น่าสนใจที่จะเอามาอัดกันใหม่ด้วย อย่างเพลง กอดหมอน เราก็เอาไปปรับใหม่บ้าง อาจจะมีลายเซ็นของมันคงอยู่ แต่จะให้เราเล่นแบบเดิมทุกวันก็คงน่าเบื่อ

นอ: Pause ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เป็นวงดนตรีแบบเพื่อนนักศึกษา เราล่าฝันไปด้วยกัน ล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน ทะเลาะกัน แล้วมันก็จบไปอย่างที่ไม่มีใครอยากให้จบ พี่โจ้จากไป แต่เขาไม่ได้ลาออกหรือถูกไล่ออก เขาแค่มาเล่นไม่ได้ และ Pause ก็ค้างอยู่อย่างนั้น พอเรากลับมาวันนี้ เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอย่างไรเมื่อกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่แม้แต่เราสามคนก็ไม่ใช่คนเดิม พอมีเฟ้นเข้ามา เขาทำให้เราสามคนได้กลับมาเล่นด้วยกัน เขาเป็นจิ๊กซอว์ที่หายไป แต่เขาก็ต้องพัฒนาตัวเองด้วย ถ้าเป็นหนังจีนตอนนี้เขาก็เป็นพระเอกที่มีพละกำลัง แต่ยังไม่มีวิทยายุทธ์ เราสามคนก็ได้แต่หวังว่าเราจะสามารถสอนเขาได้ ซึ่งของแบบนี้ก็คงไม่สามารถเก่งได้ภายในสองสามวัน

แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่คิดถึง

บอส: มีสองนัยยะในเพลงนี้ อย่างแรกก็เป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาวที่ผู้ชายไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เขามีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว ก็เลยต้องเจียมตัว แค่ขอเป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึงก็พอแล้ว ส่วนอีกนัยหนึ่งซึ่งคุณฟองเบียร์ ผู้แต่งเพลงได้บอกมาก็คือ เพลงนี้เล่าแทนตัวของเฟ้น เขารู้ดีว่าในใจของแฟนวง Pause ก็ต้องเป็นพี่โจ้ เขาไม่ได้อยากเข้ามาแทนที่พี่โจ้ ขอแค่ว่าเมื่อนึกถึง Pause แล้ว นอกจากเราสี่คน โจ้ นอ เอ บอส ก็ขอให้นึกถึงเฟ้นอีกคนเป็นคนสุดท้าย

000016

ฝากผลงานและสมาชิกคนใหม่

เฟ้น: ฝากผลงานที่กำลังจะเกิดขึ้นและตัวผมเองด้วยที่เพิ่งเข้ามา อยากให้ติดตามกันต่อไปครับ

บอส: พูดแค่นี้เองเหรอ (หัวเราะ) อยากให้เปิดใจรับฟังเฟ้นด้วย เขายังใหม่สำหรับวงการนี้ อยากฝากทุกคนทั้งแฟนวง Pause และคนฟังเพลงทั่วไป เราไม่ได้อยากให้เปรียบเทียบเฟ้นกับพี่โจ้ พี่โจ้ก็ยังคงเป็นนักร้องของเราเหมือนเดิม เฟ้นก็เป็นนักร้องของ Pause อีกคนหนึ่ง บางคนอาจจะคิดว่าเฟ้นพยายามจะเป็นพี่โจ้ เราคงพูดได้แค่ว่าขอเวลาให้กับเขา เขามีตัวตนของเขาอยู่ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการแสดงออกมา

เอ: สำหรับ Pause ก็ยังคงเป็นวงดนตรีที่สามารถฟังและเข้าถึงได้ง่าย และด้วยช่วงวัยของเฟ้นที่จะมาเป็นผู้ถ่ายทอดก็ยังคงเป็นวัยรุ่นด้วย เราก็คงพูดถึงเรื่องความรักหรือเรื่องที่เขาสามารถถ่ายทอดได้ แต่ถ้าเขาโตกว่านี้ก็อาจจะมีเรื่องราวให้พูดถึงได้อีก ก็หวังว่านอกจากความบันเทิงแล้ว ก็อยากให้ผลงานของเราส่งต่อไปถึงคนในสังคมเหมือนตอนที่เราสามคนยังเป็นนักศึกษาแล้วอยากสร้างแรงกระเพื่อมและขับเคลื่อนคนในสังคม

000005-1

รับฟังเพลงของ Pause บนฟังใจได้ ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Teeraphat Janejai

ธีรภัทร์ เจนใจ กองบรรณาธิการ Fungjaizine ที่มักสนุกกับการเปิดเพลงในรถมากกว่าการไปคอนเสิร์ต และชอบนั่งสวนพอๆ กับนั่งบาร์